กว่า 30 ปี ที่เราต่อสู้มาจนถึงวันนี้

ข้าวที่เกิดมาเพื่อสังคมและชุมชน เพื่อพี่น้องชาวร้อยเอ็ดอย่างแท้จริง

การเดินทางของเรา นวัตกรรมนาหยอด

จากทุ่งนาที่ใครๆ ก็คิดว่าปลูกอะไรก็ไม่ได้

Our Journey

ความเป็นมาของ  ข้าวศรีแสงดาว

แรงบันดาลใจของข้าวศรีแสงดาว

‘ข้าวศรีแสงดาว’ แบรนด์ข้าวจากอำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ที่ตั้งใจผลิตข้าวอย่างดีที่สุด และใส่ใจในทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อส่งมอบรสชาติดั้งเดิมของ ‘ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้’ ที่มีความหอม นุ่ม เป็นเอกลักษณ์ ชูรสชาติอาหารไทยให้อร่อยยิ่งขึ้น พร้อมส่งเสริมเกษตรกรผ่าน โครงการศรีแสงดาวหมู่บ้านนาหยอด ด้วยหลักวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น .ข้าวศรีแสงดาวจะรักษาสัญญาที่ “ทำให้ทุ่งกุลาร้องไห้แห่งนี้...ไม่ร้องไห้อีกต่อไป”

  • ข้าวหอมมะลิไทยได้รับการยอมรับว่าเป็น "ข้าวพันธุ์ที่ดีที่สุด"

    จากการแข่งขันระดับนานาชาติต่างๆ อย่างไรก็ตาม เกษตรกรไทยยังคงต้องดิ้นรนต่อสู้เนื่องจากราคาข้าวในตลาดโลกที่มีการแข่งขันสูง ทำให้ราคาข้าวไทยอยู่ในระดับต่ำมาก ทางออกเดียวสำหรับการอยู่รอดของเกษตรกรไทยคือการปรับตัวและสร้างนวัตกรรม

ความท้าทายของการทำนาหว่าน (นาหยอด)

การทำนาหยอดไม่เพียงแต่เป็นวิธีการปลูกข้าวที่เป็นนวัตกรรมที่ต้องใช้ทั้งความรู้และประสบการณ์เท่านั้น การปลูกข้าวในภูมิภาคทุ่งกุลาร้องไห้ยังต้องพึ่งพาน้ำฝนตามฤดูกาล โดยจะออกดอกเฉพาะในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น เกษตรกรสามารถปลูกข้าวได้เพียงปีละหนึ่งครั้ง และหากการเก็บเกี่ยวไม่ดี นั่นหมายความว่าพวกเขาจะสูญเสียรายได้ทั้งปี อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยากยิ่งกว่านั้นคือการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของเกษตรกรที่คุ้นเคยกับวิธีการทำนาหว่านที่ต้องใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวในปริมาณมาก พวกเขาต้องได้รับการชักจูงให้ลองใช้วิธีการทำนาหยอดแบบใหม่ที่ลดจำนวนเมล็ดพันธุ์ลงอย่างมาก

การทำให้ชุมชนเกษตรกรทั้งหมดยอมรับวิธีการทำนาหยอดนั้นต้องใช้ความพยายามอย่างมาก รวมถึงต้องอาศัยความไว้วางใจซึ่งกันและกันระหว่างเกษตรกรและโครงการหมู่บ้านนาหยอดศรีแสงดาว จากปีแรกที่มีเกษตรกรเข้าร่วมเพียงไม่กี่ราย การเดินทางได้มาถึงจุดที่โครงการครอบคลุมพื้นที่นาทั้งหมด 3,000 ไร่

พวกเราสู้ไม่ถอย..

ทุ่งกุลาร้องไห้ อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด

ที่มาของโรงสีข้าว

บริษัท โรงสีศรีแสงดาว จำกัด ตั้งอยู่ในอำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสานของประเทศไทย โชคดีสำหรับเราที่อำเภอสุวรรณภูมิตั้งอยู่ใจกลางของทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งเป็นที่รู้จักว่าเป็นหนึ่งในพื้นที่เพาะปลูกข้าวที่ดีที่สุดของโลก

ศรีแสงดาว ย้อนกลับไปในปี 2538 เมื่อเราได้รับการแต่งตั้งจากกรมการค้าภายในให้เป็นตลาดกลางสินค้าข้าวและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรเอกชนแห่งแรกของจังหวัด รับซื้อข้าวจากเกษตรกรด้วยระบบการกำหนดราคาที่ทันสมัยและเป็นธรรม ในปี 2561 ศรีแสงดาวได้ร่วมมือกับภาครัฐในการส่งเสริมข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ให้เป็นสินค้าไทยชนิดแรกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (PGI) ทำให้เรามีโอกาสได้ทำงานร่วมกับเกษตรกรอย่างใกล้ชิดเพื่อยกระดับวิธีการปลูกข้าวให้ได้มาตรฐานสากล นั่นเป็นช่วงที่เราตระหนักถึงความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ของชาวนา โดยราคาข้าวตกต่ำลงในตลาดโลกที่มีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือเหตุผลที่เราตัดสินใจฟื้นฟูศักดิ์ศรีของชาวนาเพื่อช่วยปรับปรุงความเป็นอยู่ของพวกเขา หลังจากการวิจัยวิธีการปลูกข้าว เราได้คิดค้นวิธีการทำนาหยอด และจัดตั้งโครงการหมู่บ้านนาหยอดศรีแสงดาว โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มรายได้และปรับปรุงความเป็นอยู่ของชาวนา และส่งมอบข้าวคุณภาพสู่โลกผ่านข้าวศรีแสงดาว

บทสัมภาษณ์ผู้ก่อตั้งศรีแสงดาว

ศรีแสงดาว: การเปลี่ยนแปลงสู่วิถีแห่งความซื่อสัตย์ในตลาดข้าวในอดีต เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว เกษตรกรผู้ปลูกข้าวจะจ้างคนขับรถบรรทุกให้ขนส่งข้าวไปยังตลาด ระบบที่เรียกว่า ค่าเบรค ได้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นข้อตกลงลับระหว่างคนขับรถและโรงสีข้าวบางแห่ง โดยโรงสีจะให้ค่าตอบแทนพิเศษแก่คนขับรถเพื่อแลกกับการมองข้าม ความคลาดเคลื่อนของน้ำหนักหรือความชื้นของข้าว ทำให้เกษตรกรไม่ได้รับราคาที่เป็นธรรม อย่างไรก็ตาม เมื่อกรมการค้าภายในแต่งตั้งให้ ศรีแสงดาว เป็นตลาดกลางข้าว ระบบ ค่าเบรค ก็ได้หายไป เพราะตลาดกลางข้าวต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส โรงสีข้าวต้องซื้อข้าวในราคาที่ยุติธรรมและใช้เครื่องชั่งที่แม่นยำ ศรีแสงดาวได้ยึดมั่นในระบบนี้ตั้งแต่เราเป็นตลาดกลางข้าว จนกระทั่งเราก่อตั้งโรงสีข้าวของเราเอง

เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเองก็ต้องซื่อสัตย์เช่นกัน โดยใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิไทยแท้ในการเพาะปลูก และขายผลผลิตของตนโดยไม่ผสมข้าวพันธุ์อื่น ศรีแสงดาวรับซื้อข้าวหอมมะลิไทยเฉพาะจากเกษตรกรในเขต ทุ่งกุลาร้องไห้ เท่านั้น ข้าวทุกล็อตต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวดเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล จากนั้นเราจึงเสนอราคาสูงตามคุณภาพและน้ำหนักที่แท้จริง ข้าวจะถูกนำเข้าสู่กระบวนการสีแบบพิเศษก่อนส่งถึงมือผู้บริโภค

ศรีแสงดาว ดำเนินธุรกิจตามปณิธานที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน: “เราจะซื้อข้าวจากเกษตรกรด้วยความซื่อสัตย์และจริงใจ” นอกจากนี้ โรงสียังต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร นี่จึงเป็นที่มาของ โครงการหมู่บ้านนาดำศรีแสงดาว (นาโยท) ซึ่งมุ่งเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการปลูกข้าวแบบ นาโยท (หว่านน้ำตม) ที่ช่วยเสริมสร้างความยั่งยืน ให้เกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเองและมีศักดิ์ศรีในอาชีพของตน เพราะเราเชื่อมั่นว่า หากเกษตรกรอยู่รอด โรงสีก็จะอยู่รอดเช่นกัน ด้วยแนวทางที่ยึดมั่นใน ความซื่อสัตย์และความจริงใจ โรงสีข้าวศรีแสงดาวได้รับความไว้วางใจจากเกษตรกรมาโดยตลอด ค่านิยมนี้ไม่ใช่เพียงคำพูด แต่เป็นหลักการสำคัญที่เราปฏิบัติตามเสมอมา และจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป

การเดินทางของ ข้าวศรีแสงดาว

1993
Shop Icon

ร้านศรีแสงดาว

1994
Partnership Icon

จดทะเบียนในนาม ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศรีแสงดาว (สุวรรณภูมิ) เพื่อผลิตปูนซีเมนต์และบล็อกคอนกรีต

1997
Agriculture Icon

กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ แต่งตั้งให้ศรีแสงดาวเป็นตลาดกลางข้าวและผลผลิตทางการเกษตรประจำจังหวัดร้อยเอ็ด โดยเป็นผู้รับซื้อข้าวภาคเอกชนรายแรกที่ใช้ระบบการรับซื้อที่ทันสมัยและเป็นธรรม

2007
Document Icon

จดทะเบียนในนาม ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงสีศรีแสงดาว

2010
Biopower Icon

จดทะเบียนในนาม บริษัท ศรีแสงดาวไบโอพาวเวอร์ จำกัด

2014
Company Icon

ปรับโครงสร้างจากห้างหุ้นส่วนจำกัด เป็น บริษัท ศรีแสงดาว (สุวรรณภูมิ) จำกัด และ บริษัท โรงสีศรีแสงดาว จำกัด

2018
Award Icon

จัดตั้งโครงการหมู่บ้านนาหยอดข้าวศรีแสงดาว เพื่อส่งเสริมข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ที่ได้รับรางวัล GI พร้อมทั้งเปิดตัวแบรนด์ข้าวศรีแสงดาว